วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

การทำโครงงาน

หน่วยที่ 9
 

 
 
   กิจกรรมที่ 9   
 
 
 1. ให้นักเรียนเขียนเค้าโครงของโครงงานที่นักเรียนสนใจจะทำ ซึ่งมีหัวข้อ ดังนี้
       1.  ชื่อโครงงาน2.  ชื่อผู้ทำโครงงาน3.  ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน4.  ที่มาและความสำคัญของโครงงาน5.  วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า6.  สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี)7.  วิธีดำเนินงาน8.  แผนปฏิบัติงาน9.  ผลที่คาดว่าจะได้รับ10. เอกสารอ้างอิง
2. ให้นักเรียนนำเสนอเค้าโครงของโครงงานของกลุ่มนักเรียนบนเว็บ
3. ให้นักเรียนแต่ละคนแสดงความคิดเห็นว่าเค้าโครงของโครงงานของเพื่อนแต่ละกลุ่มมี
ความถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร บนเว็บ
 
 
   สรุป   
 
   เค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์
 
     เค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์  คือ  โครงการเพื่อขอเสนอทำโครงงานวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้
          1. ชื่อโครงงาน
          2. ผู้จัดทำโครงงาน
          3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
          4. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
          5. วัตถุประสงค์ของการทำโครงงาน
          6. สมมติฐานของการศึกษา
          7. ขอบเขตของการทำโครงงาน
          8. วิธีดำเนินการ
          9. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
          10. แผนการกำหนดเวลาปฏิบัติงาน
          11. เอกสารอ้างอิง
          1. ชื่อโครงงาน
                    ชื่อโครงงานเป็นสิ่งสำคัญประการแรก เพราะชื่อโครงการจะช่วยโยงความคิดไปถึง
วัตถุประสงค์ของการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ และควรกำหนดชื่อโครงการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักด้วย
                    การตั้งชื่อโครงงานของนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา นิยมตั้งชื่อให้มีความกะทัดรัดและดึงดูดความสนใจจากผู้อ่าน ผู้ฟัง แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึง คือ ผู้ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ต้องเข้าใจปัญหาที่สนใจศึกษาอย่างแท้จริง อันจะนำไปสู่การเข้าใจวัตถุประสงค์ของการศึกษาอย่างแท้จริงด้วย เช่น
                    โครงงานวิทยาศาสตร์ ชื่อ ถุงพลาสติกพิชิตแมลงวันตัวน้อย ซึ่งปัญหาเรื่องที่สนใจศึกษาคือถุงน้ำพลาสติกสามารถไล่แมลงวันที่มาตอมอาหารได้จริงหรือ จากเรื่องดังกล่าวผู้ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ บางคนหรือบางคณะอาจสนใจตั้งชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ ว่า การศึกษาการไล่แมลงวันด้วยถุงน้ำพลาสติก หรือ ผลการใช้ถุงน้ำพลาสติกต่อการไล่แมลงวัน ก็เป็นได้
                    อย่างไรก็ตามจะตั้งชื่อโครงการในแบบใด ๆ นั้น ต้องคำนึงถึงความสามารถที่จะ
สื่อความหมายถึงวัตถุประสงค์ที่ต้องการศึกษาได้ชัดเจน
   
          2. ผู้จัดทำโครงงาน
                    การเขียนชื่อผู้รับผิดชอบโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นสิ่งดีเพื่อจะได้ทราบว่าโครงงานนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของใครและสามารถติดตามได้ที่ใด   
          3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
                    การเขียนชื่อผู้ให้คำปรึกษาควรให้เกียรติยกย่องและเผยแพร่ รวมทั้งขอบคุณที่ได้ให้คำแนะนำการทำโครงงานวิทยาศาสตร์จนบรรลุเป้าหมาย   
          4. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
                    ในการเขียนที่มาและความสำคัญของโครงงานวิทยาศาสตร์ ผู้ทำโครงงานจำเป็นต้องศึกษา หลักการทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องที่สนใจจะศึกษา หรือพูดเข้าใจง่าย ๆ ว่าเรื่องที่สนใจจะศึกษานั้นต้องมีทฤษฎีแนวคิดสนับสนุน เพราะความรู้เหล่านี้จะเป็นแนวทางสำคัญในเรื่องต่อไปนี้
                    - แนวทางตั้งสมมติฐานของเรื่องที่ศึกษา
                    - แนวทางในการออกแบบการทดลองหรือการรวบรวมข้อมูล
                    - ใช้ประกอบการอภิปรายผลการศึกษา ตลอดจนเสนอแนะเพื่อนำความรู้และ          สิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่ค้นพบไปใช้ประโยชน์ต่อไป  
                    การเขียนที่มาและความสำคัญของโครงงาน คือ การอธิบายให้กระจ่างชัดว่าทำไม   ต้องทำ ทำแล้วได้อะไร หากไม่ทำจะเกิดผลเสียอย่างไร ซึ่งมีหลักการเขียนคล้ายการเขียนเรียงความ ทั่ว ๆ ไป คือ มีคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป
                    ส่วนที่ 1 คำนำ :
                         เป็นการบรรยายถึงนโยบาย เกณฑ์ สภาพทั่ว ๆ ไป หรือปัญหาที่มีส่วนสนับสนุนให้ริเริ่มทำโครงงานวิทยาศาสตร์
                    ส่วนที่ 2 เนื้อเรื่อง :
                         อธิบายถึงรายละเอียดเชื่อมโยงให้เห็นประโยชน์ของการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ โดยมี หลักการ ทฤษฎีสนับสนุนเรื่องที่ศึกษา หรือการบรรยายผลกระทบ ถ้าไม่ทำโครงงานเรื่องนี้
                    ส่วนที่ 3 สรุป :
                         สรุปถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินการตามส่วนที่ 2 เพื่อแก้ไขปัญหา ค้นข้อความรู้ใหม่ ค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ให้เป็นไปตามเหตุผลส่วนที่ 1   
          5. วัตถุประสงค์ของการทำโครงงาน
                    วัตถุประสงค์ คือ กำหนดจุดมุ่งหมายปลายทางที่ต้องการให้เกิดจากการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ในการเขียนวัตถุประสงค์ ต้องเขียนให้ชัดเจน อ่านเข้าใจง่ายสอดคล้องกับชื่อโครงงาน หากมีวัตถุประสงค์หลายประเด็น ให้ระบุเป็นข้อ ๆ การเขียนวัตถุประสงค์มีความสำคัญต่อแนวทาง การศึกษา ตลอดจนข้อความรู้ที่ค้นพบหรือสิ่งประดิษฐ์ที่ค้นพบนั้นจะมีความสมบูรณ์ครบถ้วน คือ     ต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทุก ๆ ข้อ   
          6. สมมติฐานของการศึกษา
                    สมมติฐานของการศึกษา เป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้ทำโครงงาน   ต้องให้ความสำคัญ เพราะจะทำให้เป็นการกำหนดแนวทางในการออกแบบการทดลองได้ชัดเจนและรอบคอบ ซึ่งสมมติฐานก็คือ การคาดคะเนคำตอบของปัญหาอย่างมีหลักและเหตุผล ตามหลักการ  ทฤษฎี รวมทั้งผลการศึกษาของโครงงานที่ได้ทำมาแล้ว   
          7. ขอบเขตของการทำโครงงาน
                    ผู้ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ต้องให้ความสำคัญต่อการกำหนดขอบเขตการทำโครงงาน เพื่อให้ได้ผลการศึกษาที่น่าเชื่อถือ ซึ่งได้แก่ การกำหนดประชากร กลุ่มตัวอย่าง ตลอดจนตัวแปรที่ศึกษา
                    1. การกำหนดประชากร และกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา คือ การกำหนดประชากรที่ศึกษาอาจเป็นคนหรือสัตว์หรือพืช ชื่อใด กลุ่มใด ประเภทใด อยู่ที่ไหน เมื่อเวลาใด  รวมทั้งกำหนด             กลุ่มตัวอย่างที่มีขนาดเหมาะสมเป็นตัวแทนของประชากรที่สนใจศึกษา
                    2. ตัวแปรที่ศึกษา การศึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์ ส่วนมากมักเป็นการศึกษาความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล หรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตั้งแต่ 2 ตัวแปรขึ้นไป การบอกชนิดของ     ตัวแปรอย่างถูกต้องและชัดเจน รวมทั้งการควบคุมตัวแปรที่ไม่สนใจศึกษา เป็นทักษะกระบวนการ   ทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้ทำโครงงานต้องเข้าใจ ตัวแปรใดที่ศึกษาเป็นตัวแปรต้น ตัวแปรใดที่ศึกษาเป็น    ตัวแปรตาม และตัวแปรใดบ้างเป็นตัวแปรที่ต้องควบคุมเพื่อเป็นแนวทางการออกแบบการทดลอง ตลอดจนมีผลต่อการเขียนรายงานการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง สื่อความหมายให้ผู้ฟังและ      ผู้อ่านให้เข้าใจตรงกัน   
          8. วิธีดำเนินการ
                    วิธีดำเนินการ หมายถึง วิธีการที่ช่วยให้งานบรรลุตามวัตถุประสงค์ของการทำ      โครงงาน ตั้งแต่เริ่มเสนอโครงการกระทั่งสิ้นสุดโครงการ ซึ่งประกอบด้วย
                    1. การกำหนดประชากร กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา
                    2. การสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล
                    3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
                    4. การวิเคราะห์ข้อมูล
                    ในการเขียนวิธีดำเนินการให้ระบุกิจกรรมที่ต้องทำให้ชัดเจนว่าจะทำอะไรบ้าง เรียงลำดับกิจกรรมก่อนและหลังให้ชัดเจน เพื่อสามารถนำโครงการไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง   
          9. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
                    ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ การคาดหวังถึงผลการดำเนินการตามโครงการ ในการเขียนต้องคาดคะเนเหตุการณ์ว่าเมื่อได้ทำโครงงานวิทยาศาสตร์สิ้นสุดลง ใครเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างไรและได้รับมากน้อยเพียงใด ผลที่ได้รับสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ศึกษา   
          10. แผนการกำหนดเวลาปฏิบัติงาน
                    การทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ต้องกำหนดตารางเวลาดำเนินการทุกขั้นตอน เพราะ  การทำตารางเวลาจะเป็นประโยชน์ให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นประโยชน์ต่อการติดตามประเมินผลการดำเนินงานแต่ละขั้นตอน จนสิ้นสุดการทำโครงงานนั้น   
          11. เอกสารอ้างอิง
                    เอกสารอ้างอิง คือ รายชื่อเอกสารที่นำมาอ้างอิงเพื่อประกอบการทำโครงงาน      วิทยาศาสตร์  ตลอดจนการเขียนรายงานการทำโครงงานวิยาศาสตร์ ควรเขียนตามหลัการ          ที่นิยมกัน (การเขียนเอกสารอ้างอิง --> คลิกที่นี่)   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น