อานิสงส์การเดินภาวนาจงกรม
วันที่ลงมือเขียนต้นฉบับ ผู้เขียนยังยืนตากแดดกรำฝนอยู่ที่วัดป่าชนะสงคราม...อีกสามสี่วันก็จะถึงวันสำคัญ...เททองหล่อพระประธาน ซึ่งคาดว่าจะมีครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐาน จำนวนนับร้อยรูปมาร่วมพิธี มีญาติธรรมจำนวนหลายพันคนมาร่วมบุญกุศลอย่างล้นหลาม...
ด้วยประการดังกล่าวข้างต้น จักต้องเตรียมการทุกอย่าง ให้เรียบร้อย...ให้ขาดตกบกพร่องไม่ได้!
งานบุญปีนี้ได้รับความเมตตาจาก หลวงปู่จันทา ถาวโร อาจารย์ใหญ่แห่งวัดป่าเขาน้อย จังหวัดพิจิตร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และได้รับความกรุณาจาก พลโทปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ มาเป็นประธานฝ่ายฆราวาส กับผู้หลักผู้ใหญ่อีกหลาย ๆ ท่าน อาทิ ท่านผู้พิพากษาน้ำทิพย์ อ่อนชด คุณพนิดา ชอบวณิชชา คุณรักษ์ชนก นามทอน ฯลฯ อีกมากมายหลายท่าน
ภูเตศวรและทมยันตีขอกราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ และที่สำคัญยิ่งคือต้องกราบขอบพระคุณหลวงพ่อวัดพระพุทธรูปทองคำ (พิพัฒน์มงคล) ซึ่งพระเดชพระคุณท่านได้ให้ความกรุณาเป็นอย่างยิ่งกับการอำนวยความสะดวกในเรื่องเต็นท์ปะรำพิธี เรื่องที่พักสำหรับแขกเหรื่อ ที่มาร่วมงานอย่างเต็มกำลัง
พระคุณของครูบาอาจารย์ครั้งนี้จะจารจดในหัวใจของภูเตศวรตราบสิ้นลมหายใจเลยครับ
ที่ขาดมิได้ก็คือ...ท่านผู้มีจิตศรัทธามาร่วมงานบุญกุศล ผู้เป็นญาติธรรมทุกท่าน อีกทั้งผู้มิได้มาร่วมงานหากส่งปัจจัยมาร่วมบุญผ่านทางขวัญเรือนทุกท่าน ภูเตศวรขอกราบขอบพระคุณเป็นที่ยิ่ง กับความเมตตาปรานีของท่านทั้งหลาย ที่ทำให้เจตนาปักธงชัยแห่งพระศาสนา ลงบนแผ่นดินสุโขทัยได้สำเร็จเสร็จสิ้น
ขอผลานิสงส์ผลบุญราศีที่ได้ร่วมกันทำครั้งนี้จงเป็นฉัตรแก้วฉัตรทองป้องกันท่านทั้งหลายจากโพยภัยจากโรคาพยาธิ และขอให้ความมุ่งหวังของทุกท่านจงสัมฤทธิผลทุกประการเทอญ
ส่วนรายละเอียดของงานพร้อมรูป ผู้เขียนจะนำลงตีพิมพ์ในคอลัมน์ธรรมะ 5 นาทีในฉบับหน้าครับ
คราวนี้เรามาเข้าเรื่องตามหัวข้อที่จั่วไว้กันเลยดีกว่าครับ...การเดินจงกรมเป็นการปฏิบัติธรรมที่มีอานิสงส์สูงนั้น...ด้วยเหตุอันใด?
ครูบาอาจารย์สายปฏิบัติโดยตรง ท่านมักสอนสั่งลูกศิษย์และกำชับเสมอ...
‘ให้ลงทางจงกรมให้มากด้วยความเพียร’
เหตุนี้เป็นเพราะการเดินจงกรมภาวนาให้ความมีสติได้มากกว่าการนั่งภาวนาซึ่งมักเกิดนิวรณ์ได้ง่าย
นิวรณ์ที่เกิดจากการนั่งภาวนาส่วนใหญ่ คือการง่วงเหงาหาวนอน เหตุเพราะการนั่งหลับตานิ่ง ๆ จิตจะเคลิ้มคล้อยได้ง่าย การขาดสติตรงนี้จะทำให้เกิดภาพปรุงแต่ง เกิดนิมิตหลอกนิมิตลวงง่ายกว่าการเดินจงกรม
การนั่งนาน ๆ จะก่อให้เกิดโทษกับร่างกาย โดยเฉพาะการนั่งขัดสมาธินาน ๆ จะปวดขาปวดข้อ บางรายถึงกับเป็นโรคปวดหัวเข่าเรื้อรังไปก็มี อีกประการ การนั่งสมาธินิ่งนาน ๆ เลือดลมในร่างกายจะเดินไม่สะดวก การย่อยอาหารก็จะลดประสิทธิภาพลง ทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อ ผิดกับการเดินจงกรม ร่างกายจะทำงาน อวัยวะจะเคลื่อนไหว ทำระบบทางเดินอาหาร และการหมุนเวียนของเลือดลมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเดินถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด ดังนั้นจึงเป็นการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงได้เป็นอย่างดี
สมัยที่ผู้เขียนบวชเรียน หลวงปู่ท่านจะอบรมการปฏิบัติใ ห้ทำความเพียร ระหว่างการนั่งสมาธิภาวนา สลับกับการเดินจงกรม เหตุผลก็คือการนั่งนาน ๆ จะปวดเมื่อย การลุกขึ้นเดินจงกรม เท่ากับเป็นการยืดแข้งยืดขาไปในตัว แต่ที่ลึกไปกว่านั้นคือ...
การเดินจงกรม สามารถพิจารณาอรรถธรรมได้ดีกว่า เพราะขณะเดินจงกรมสมาธิจะรวมกันหลวม ๆ เป็นลักษณะสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียดเหมือนการนั่ง
สำหรับท่านที่นั่งสมาธิแล้วเกิดอาการง่วงงุน โบราณาจารย์ท่านให้แก้ ด้วยการลุกขึ้นไปเดินจงกรมสักระยะ จนหายง่วง แล้วค่อยมานั่งใหม่ ให้ทำอย่างนี้ไปเรื่อยจนกว่าจะแก้นิวรณ์ได้
ในหนังสือวิสุทธิมรรค และหนังสือทิพยอำนาจ ของพระอริยคุณาธาร (เส็ง) ปุสฺโส) กล่าวยืนยันถึงอานิสงส์แห่งการเดินจงกรมภาวนาไว้ชัดเจนยิ่ง...
หนึ่ง...ร่างกายแข็งแรง
สอง...สมาธิและฌานที่ได้จากการเดินจงกรมจะอยู่ทน นานกว่าการได้จากการนั่งภาวนา
ถึงตรงนี้บางท่านอาจสงสัย การเดินจงกรมเดินอย่างไร การเดินจงกรมก็เหมือนการนั่งภาวนานั่นแหละ ที่ต้องใช้อุบายทำให้จิตสงบ บางท่านภาวนาพุทโธ...สัมมาอรหัง กำหนดลมหายใจเข้าออกด้วยอานาปานสติ การเดินจงกรมก็อาจใช้พุทโธกำหนดจากการย่างเท้า เช่น ย่างเท้าซ้ายกำหนด ‘พุท’ ย่างเท้าขาวกำหนด ‘โธ’ หรือเอาลมหายใจเข้าออกกำหนดการย่างเท้าซ้าย-ขวาก็ได้ บางสำนักกำหนดตามอาการของร่างกายด้วย ‘ย่างหนอ’ อะไรอย่างนั้นก็ได้เช่นกัน
การกำหนดทางเดินจงกรม โดยทั่วไปของพระภิกษุสายวัดป่า จะทำทางเดินจงกรมกว้างประมาณสามฟุต ยาวประมาณสามสิบก้าว หรืออาจจะยาวกว่านั้นบ้างก็ได้ แต่ถ้าระยะทางยาวเกินไป ท่านผู้รู้กล่าวว่าจะทำให้เดินเพลินเกินไป ทำให้ขาดสติง่าย ถ้าสั้นเกินไป ก็จะทำให้สะดุดอารมณ์เร็วเกินไป
การเดินจงกรมก็เดินกำหนดไปจนสุดทางเดิน แล้ววนกลับไปมาตามระยะเวลาที่ตนกำหนดไว้ สั้นยาวขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล นักภาวนาบางท่านอาจเดินจงกรมตลอดทั้งคืนก็มี ลักษณะเช่นนี้ผู้เขียนเคยพบเห็นบ่อย ๆ กับพระภิกษุในวัดป่าสายพระกรรมฐานครับ
สำหรับญาติโยมหรือเราท่านทั้งหลาย ก็สามารถใช้อาณาบริเวณในบ้านนั่นแหละ เป็นที่เดินจงกรม จะเป็นสนามหญ้าหรือระเบียงบ้านก็ไม่ผิดกติกาครับผม
สำคัญคือ...ทำให้มาก...ทำให้บ่อย ๆ ก็จะเห็นผลเองแหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น